เนื้อหา
การลงทุนทองคำ หลัง โควิด(โค-ขวิด)
บทความ เรื่องการลงทุนทองคำ หลัง โควิด(โค-ขวิด)
ช่วงเดือน มีนาคม 2563-เมษายน 2563 เราคนไทยต้อง #stay home “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” นั่งดู TV กัน จะเห็นข่าวคนเบียดเสียด และเข้าแถวยาวเหยียดหน้าร้านทองย่านเยาวราช เพี่อรอขายทอง (ซึ่งก่อนหน้านี้ 1-2 วัน ก็มีการเบียดเสียดกันอยู่ในร้านทองอย่างหนาแน่น แบบว่าไม่กลัว โควิด-19 กันเลย) จนกระทั่ง มี TV ไปถ่ายภาพ และเห็นภาพผู้คนยืนเข้าแถวห่างกัน ตามหลัก social distancing ยาวเป็นร้อยเมตรได้ นั่นเป็นเพราะ
- ช่วงเวลาโควิด แต่ราคาทองพุ่งอย่างแรง เรียกว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 ปี (ปี 2554 ราคาทองคำแท่งแพงสุด ที่บาทละ 27,100-27,000 บาท) คนที่เคยซื้อทองคำแท่งติดดอย เอาไว้นานมากกกกก ก็เริ่มนำทองแท่งออกมาขายเพื่อจะได้ลงจากดอยอันหนาวเหน็บมาสักที
- ในช่วงเวลานี้รัฐบาลสั่งปิดประเทศ ปิดห้างสรรพสินค้า ปิดธุรกิจหลายอย่าง ทั้งการท่องเที่ยว สปา ฯลฯ ทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมาก แต่ คนเรายังต้องกินต้องใช้อยู่ทุกวัน จึงได้นำทองรูปพรรณที่ซื้อเก็บสะสมไว้ออกมาเทขายเช่นกัน เพื่อตุนเงินสดไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
จากเหตุผล 2 ประการนี้่ (ทองขึ้นสูงสุด และเศรษฐกิจตกต่ำ) ทำให้ร้านทองบางร้านต้องปิดร้าน เพราะไม่มีเงินสด จะมารับซื้อทองได้ไหว และปิดประกาศหน้าร้านว่ากลัวโควิด (แต่จริง ๆ คือ ขาดเงินสดรับซื้อทอง แต่กลัวโควิดก็่เป็นเหตุผลที่ดีด้วยเช่นกัน) เนื่องจากธุรกิจของร้านทองต้องมีการขายออก-รับซื้อคืน แต่ในยุคโควิดนี้่มีแต่ลูกค้า นำทองมาขายคืน ทำให้สภาพคล่องของร้านทองเองขาดสภาพคล่องอย่างแรง เพราะไม่สามารถส่งทองไปหลอม และส่งไปขายต่างประเทศได้ ทำให้ไม่มีเงินสดกลับเข้ามาซื้อทองจากลูกค้าคืน จึงเกิดการปิดร้านเพื่อหนีโควิดเกิดขึ้น และพอลูกค้านำทองที่ซื้อจากร้านหนึ่งไปขายคืนอีกร้านหนึ่งก็จะโดนกดราคา โดยทางร้านที่เปิดอยู่ก็จะรับซื้อคืนแต่ทองที่ลูกค้าซื้อจากร้านตัวเองไปเท่านั้น
ดังนั้น แนวโน้มการซื้อ-ขายทองในยุคหลังโควิด ผู้เขียนคาดว่า การซื้อทองรูปพรรณจะน้อยลงมากเพราะ
- ตอนซื้อออก มันมีค่ากำเหน็จ
- ตอนขายคืน จะโดนหักค่าหลอมของราคาทองแท่ง อีก5% (ถ้าราคาทองคำแท่ง บาทละ 26,000 บาท ทองรูปพรรณที่นำมาขายคืน จะเหลือเงินประมาณ 24,700 บาท)
แต่ทองรูปพรรณคนซื้อก็ยังเอาไปสวมใส่ออกงานได้ ในขณะที่ทองแท่งใส่ไม่ได้ต้องซื้อเก็บอย่างเดียว และในสังคมไทย ยังไงทองคำที่ใส่เป็นของที่ “มัน ต้อง มี” และลูกค้าจะเลือกซื้อทองจากเจ้าประจำที่พิสูจน์ให้เห็นในยามยากแล้วว่า ร้านทองไม่ปิดร้านหนี ขายคืนได้ราคา เป็น trust brand ประจำครอบครัวตน
นอกจากนี้ เราอาจได้เห็นกันต่อไปในอนาคตว่า คนจะหันมาซื้อทองแท่งเพื่อการลงทุนมากขึ้น เพราะปัจจุบันทองแท่งก้อนเล็ก ๆ 1/2 สลึง 1 สลึง 2 สลึง 1 บาท 2 บาท มีผู้ผลิตเยอะขึ้น สำหรับผู้ที่มีเงินออมทีละเล็กทีละน้อย จะหันมาซื้อทองแท่งเล็กกัน เพราะในยามจำเป็นฉุกเฉินนำมาขายคืนร้านทองจะราคาต่างกันไม่เยอะ และถ้าทองขึ้นราคาก็จะได้กำไรด้วย ดีกว่านำเงินไปฝากธนาคาร จึงขอแนะนำให้คนที่ต้องการออมเงินในรูปแบบทองคำ และมีเงินน้อยมาซื้อทองคำแท่งเล็ก ๆ ค่ะ
ในส่วนของนักลงทุนเพื่อเก็งกำไร ข้อนี้่จะสำหรับคนที่ซื้อทองครั้งละ 5 บาททองคำขึ้นไป เราจะได้เห็นทองคำทำสถิติราคาสูงสุดอีกครั้งในปีนี้ แต่จะเป็นเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับกองทุนทองคำใหญ่ ๆ (SPDR) ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (FED) ได้ออกมาตรการ QE (คือการพิมพ์ธนบัตรออกมา โดยไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง และพิมพ์ออกมาได้ไม่จำกัดจำนวน นั่นหมายความว่า เงินดอลล่าร์จะไม่มีเสถียรภาพ และทองคำจะกลับมาเป็น safe heaven ของนักลงทุนอีกครั้ง และอีกครั้ง
ผู้เขียน มีข้อเสนอแนะสำหรับ นักลงทุนเพื่อเก็งกำไรด้านทองคำดังนี้
- นักลงทุนระยะยาว ซื้อเพื่อลงทุนแบบเก็บออมระยะยาว ช่วงราคา ณ วันที่เขียน (27/4/2563 ราคาทองบาทละ 26,350-26,150 บาท) ยังไม่ควรเข้าซื้อ (นอกจากผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงและเงินเย็น) เพราะราคาทองทั่วโลกยังไม่ปกติ ควรซื้อเมื่อราคาลงต่ำกว่านี้
- นักลงทุนระยะสั้น ถ้ารับความเสี่ยงสูงได้ ก็ยังสามารถเข้าซื้อได้ เพราะมองว่าราคาทองจะขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่ จะทำกำไรได้ไม่เยอะและที่สำคัญ คือต้องไม่โลภมากได้กำไร บาทละ 200-300 บาท ก็่ต้องปล่อยของ ไปก่อน และดูแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไร
- ข้อสุดท้าย คือ ถ้าจะเก็งกำไรต้องมีจุด stop loss เราต้องมีจุดนี้อยู่ในใจตลอดนะคะ ว่าถ้าขาดทุน 3-5% (หรือกี่ % ก็ตามที่เรารับได้) ก็ให้ขายตัดขาดทุนไปก่อน แล้วค่อยกลับมาซื้อใหม่เมื่อราคาลงต่ำ ไม่เช่นนั้น อาจติดบนดอยสูงอันหนาวเหน็บแล้วลงยาก ต้องรอให้เกิดวิกฤติอะไรหนัก ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่ราคาทองจะพุ่งสูงพอให้เราลงจากยอดดอยได้ค่ะ
หมายเหตุ
บทความนี้ คิดและวิเคราะห์จากประสบการณ์ของผู้เขียนโดยตรง ซึ่งเปิดดำเนินการขายทองรูปพรรณและทองแท่ง มากว่า 30 ปี
นอกจากนี้ ในการลงทุนควรลงทุนให้หลากหลาย (เก็บไข่ใส่ไว้ในตะกร้าหลาย ๆ ใบ อย่าใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ค่ะ) และศึกษาการลงทุนแต่ละชนิดให้รอบคอบ และถามตัวเองดูว่าสามารถรับความเสี่ยง ได้เท่าไหนนะคะ
สำหรับ พี่-น้อง มพ สามารถสอบถามข้อสงสัยใด ๆ ที่เกี่ยวกับทองได้ตลอดนะคะ ที่ บจก.ทองใบสาธุประดิษฐ์ โดย แจ้งว่า เป็นศิษย์ มพ. รุ่นไหน นะคะ ยินดีอย่างยิ่ง ค่ะ โทร.02-2843015
พิมพิไรย กนกวิจิตรเจริญ
27/4/2563